บทที่ ๓ - นกเขาเอย

         ขณะที่ปิติกำลังจะลาลุงและวีระกลับบ้าน เขาได้ยิน
เสียงกล่อมเด็ก แว่วมาจากบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับสวน
เสียงของคนกล่อมไพเราะ บทกล่อมก็ชวนฟัง ปิติจึงนั่ง
ฟังเพลิน ลุงสังเกตเห็นก็ยิ้มแล้วนิ่งฟังด้วย บทกล่อมว่าดังนี้
         เจ้านกเขาเถื่อนเอย          ให้เจ้าอยู่เรือนเลี้ยงน้อง
         แม่จะไปขายของ          เลี้ยงน้องเถิดพ่อคุณเอย
         นกเขาเอย          ขันอยู่แต่เช้าจนเย็น
         ขันเถิดแม่จะฟังเสียงเล่น          *1เนื้อเย็นเจ้าคนเดียว
         นกเขาเอย          ขันอยู่แต่เช้าจนเที่ยง
         *2พระสุริยาบ่ายเบี่ยง          เที่ยงแล้วจงนอนเปลเอย
         บทกล่อมบทนี้ผมไม่เคยได้ยินเลยปิติพูดยาย
กล่อมบทนกกาเหว่า ผมไม่ค่อยชอบเพราะเกลียดนายพราน
ที่ยิงนกตายทั้งสองตัว ยายบอกว่าเป็นบาปเป็นกรรมมาก
ตายไปก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ แม้ว่าเราจะรังเกียจกาเพราะ
มันชอบขโมย แต่มันก็มีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนใจบาป
อย่างนี้ ต้องได้รับภัยพิบัติสักวันหนึ่งลุงหัวเราะปิติ
นี่มีเมตตา กรุณา ต่อสัตว์ ได้กุศลดีมากนะหลาน การยิง
สัตว์เป็นเรื่องธรรมดาของบรรดานายพรานทั้งหลาย
แต่นั่นแหละถ้านายพรานยิงสัตว์ตายมาก สัตว์ป่าก็หมดป่าแน่
ทุกวันนี้ ถึงแม้จะมีประกาศห้าม และมีบรรยายทางวิทยุ
กระจายเสียง ชี้ให้เห็นโทษของการทำลายธรรมชาติ
แต่ปรากฏว่ายังมีคนโลภไม่รู้จักคุณค่าของธรรมชาติ พวกเขา
จึงบังอาจตัดไม้ทำลายป่าและยิงสัตว์ บางทีก็ถือโอกาสเข้า
ครอบครองเพราะความเห็นแก่ตัว นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่เรา
ต้องช่วยกันแก้ไข ลุงดีใจมากที่ปัจจุบันนี้รัฐบาลกำลังเร่ง
ควบคุมและกำจัดพวกที่มีเจตนาร้ายนิสัยเลวเหล่านี้ให้สิ้นไป
คนเห็นแก่ตัวพวกนี้สิ ควรได้รับภัยพิบัติ
         จริงครับลุงปิติเสริม
         ปิติหันไปถามวีระเมื่อกี้นี้ เสียงแม่กล่อมลูกใช่ไหม
         ใช่วีระตอบนั่นเสียงภรรยากำนันกล่อมลูกคน
เล็กของเขา ฉันชอบมาก ตอนสายหรือตอนบ่าย ถ้าเข้ามา
นั่งอยู่ในสวน ก็มักจะได้ยินเป็นประจำ ฟังเพลินดี
         ภรรยากำนันคงไม่ได้ไปขายของเหมือนบทที่กล่อม
หรอกนะ จึงมีเวลากล่อมลูก ฉันไม่ชอบไปขายของเลย
ฉันอายปิติพูด ลุงจึงว่าอายทำไมล่ะปิติ อาชีพขาย
ของเป็นอาชีพสุจริต วีระเคยหาบผลไม้ไปขายที่ตลาดเสมอ
ไม่เห็นเขาอายเลย การทำงานสุจริตไม่ว่างานอะไร
ไม่น่าอายหรอก กลับน่าสรรเสริญเสียอีก หลานอย่าเป็น
กังวลเลย พืชผลที่บ้านหลานก็มีก็เอาไปขายซี ฝึกไว้แต่เล็ก
โตขึ้นก็ชำนาญยึดเป็นอาชีพได้ปิตินึกในใจว่าเขาจะเลิก
อายและพยายามหัดขายของ จึงตอบรับคำลุงอย่างหนักแน่นว่า
ครับ ผมจะไม่อาย และจะหัดขายของให้ได้
         ปิติเห็นตะวันคล้อยต่ำลงมากแล้ว จึงลาลุงและวีระ
กลับบ้าน เจ้าจ๋อลุกขึ้นโบกมือให้เขา ระหว่างทางเขานึกถึง
บทกล่อมที่ได้ฟัง ยิ่งรู้สึกชอบมาก ทำให้เขาคิดถึงแม่เวลาแม่
จะไปนา แม่ขอให้เขาช่วยเลี้ยงน้องเสมอ แต่บท
กล่อมที่เขาได้ฟัง มีตอนหนึ่งว่า แม่ไปขายของ ถ้าจะให้
เหมาะกับแม่ของเขา ก็น่าจะเปลี่ยนเสียใหม่ว่า
         เจ้านกเขาเถื่อนเอย          ให้เจ้าอยู่เรือนเลี้ยงน้อง
         แม่จะไปทำนาที่ริมหนอง          เลี้ยงน้องเถิดพ่อคุณเอย
         เขาจะไปบอกให้ยายใช้บทกล่อมบทนี้กล่อมน้องบ้าง
ถ้ายายจะให้มีเสียงนกเขาขัน เขาก็ยินดีขันให้ จะทำเสียง
ให้เหมือนเสียงนกเขาที่เขาเคยได้ยินมาว่า จู้ฮุกกรู จู้ฮุกกรู
และจะขันให้แม่ฟังด้วย แล้วปิติก็เผลอตัวโก่งคอขันออกมาว่า
จู้ฮุกกรู จู้ฮุกกรู เสียงดังลั่น โชคดีที่ไม่มีใครเดินผ่านมาได้ยิน

View English Translation


View Lesson Notes


View New Vocabulary

Definition